เทคโนโลยีชุดตีเกลียวและเก็บเส้นไหมพุ่งเข้าหลอดขนาดเล็กที่เหมาะสมกับชุมชนเพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจรากฐานในจังหวัดสุรินทร์
การพัฒนางานวิจัยเพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาเศรษฐกิจรากฐานก่อให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศ ซึ่งเกิดจากการร่วมพัฒนาองค์ความรู้ (Body of Knowledge) ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์และชุมชนต่าง ๆ ของจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์มีจำนวนครัวเรือนที่เกี่ยวข้องผลิตผ้าไหมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมากที่สุดในประเทศไทย ผ้าไหมสุรินทร์มีชื่อเสียงอย่างมากทั้งในระดับประเทศและระดับโลก (National and Global Reputation of Surin Silk) มาอย่างยาวนาน ดังคำขวัญจังหวัดสุรินทร์ “สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม” มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้ร่วมวิจัยและพัฒนาผ้าไหมสุรินทร์มาอย่างยาวนาน จนขึ้นชื่อ “ผ้าไหมสุรินทร์ ร้อยสีพันลาย” และมีพิพิธภัณฑ์ผ้า (Textile Museum) ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์





ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย แก้วจันทร์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมเครื่องกลและยานยนต์ไฟฟ้า คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และทีมวิจัย เรื่อง “เทคโนโลยีชุดตีเกลียวและเก็บเส้นไหมพุ่งเข้าหลอดขนาดเล็กที่เหมาะสมกับชุมชนเพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์” ได้รับรางวัล “ชมเชย” จากเวทีมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ในชื่อธีมงาน “วิจัยและนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชนและ SME” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)





ผลงานวิจัย “เทคโนโลยีชุดตีเกลียวและเก็บเส้นไหมพุ่งเข้าหลอดขนาดเล็กที่เหมาะสมกับชุมชนเพื่อยกระดับความสามารถในการผลิตและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์” นี้ ได้ก่อสร้างคุณค่า ประโยชน์ และผลกระทบต่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริงด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีขนาดเล็กที่เหมาะสมกับครัวเรือนและหมู่บ้าน สามารถนำไปใช้ในชุมชนท้องถิ่นอื่น ๆ ในจังหวัดและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ผลิตผ้าไหมระดับชุมชน ผลงานวิจัยชิ้นนี้ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในข้อที่ 1. ขจัดความยากจน (No Poverty) 11. เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) 12. แผนการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน (Responsible Consumption and Production) และ 17. ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals)