คณะมนุษยศาสตร์ฯ มรภ.สุรินทร์: ปลุกพลัง Soft Power ชุมชนศีขรภูมิผ่าน ‘นาฏกรรม’

คณะมนุษยศาสตร์ฯ มรภ.สุรินทร์: ปลุกพลัง Soft Power ชุมชนศีขรภูมิผ่าน ‘นาฏกรรม’

Sep 19, 2025

            ท่ามกลางกระแสโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการนำ “ทุนทางวัฒนธรรม” มาสร้างคุณค่าและขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ “การส่งเสริมและพัฒนาศิลปะการแสดงเพื่อเพิ่มศักยภาพชุมชน soft power บนฐานอัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอำเภอศีขรภูมิ” ซึ่งได้เปลี่ยนศิลปะการแสดงและพิธีกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ให้กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างลึกซึ้ง

จากอัตลักษณ์ท้องถิ่น สู่การสร้างพลัง Soft Power

             อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่ที่มีมรดกทางวัฒนธรรมอันโดดเด่น แต่การจะยกระดับให้เป็นที่รู้จักและสร้างประโยชน์ให้ชุมชนในวงกว้างจำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้และการจัดการอย่างเป็นระบบ หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลป์ จึงได้เข้ามามีบทบาทในการนำ “นาฏกรรม” และพิธีกรรมท้องถิ่นมาพัฒนาและส่งเสริมให้กลายเป็นพลัง Soft Power ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความภาคภูมิใจ และเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้

กระบวนการฟื้นฟูและสร้างสรรค์: การปฏิบัติการสู่ชุมชน

            โครงการได้จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการระหว่างวันที่ 9-15 พฤศจิกายน 2567 โดยมีผู้เข้าร่วมจาก 3 กลุ่มหลัก คือ ชุมชนบ้านปราสาท, นักเรียนโรงเรียนศีขรภูมิพิสัย และนักศึกษามหาวิทยาลัยฯ รวม 70 คน ซึ่งเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างคนต่างวัยและต่างสถาบัน ผ่านกิจกรรมสำคัญ ได้แก่

  1. รวบรวมและถอดรหัสภูมิปัญญา: จัดการอบรมเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงและพิธีกรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน โดยเฉพาะ “พิธีกรรมปังเอ๊าะเปรี๊ยะแค” ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณ ทำให้เกิดการบันทึกขั้นตอนการเตรียมงาน การคัดเลือกพราหมณ์ และการตำข้าวเม่าอย่างละเอียด
  2. ถ่ายทอดและสร้างสรรค์นาฏศิลป์: จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถ่ายทอดท่ารำของการแสดง “เรือมอัปสรสราญ” จากชุมชนสู่เยาวชนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งสร้างสรรค์เพลงพื้นเมืองอีสานใต้ขึ้นมาใหม่ 1 เพลง เพื่อใช้ประกอบการแสดง

“ผลลัพธ์จากกิจกรรมเหล่านี้ถูกรวบรวมและจัดทำเป็น ชุดองค์ความรู้ในรูปแบบ E-Book เพื่อให้ง่ายต่อการเผยแพร่และใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต”

ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน: สร้างคุณค่าในทุกมิติ

โครงการได้สร้างผลกระทบเชิงบวกที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ

  • ด้านเศรษฐกิจ: เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนโดยตรง จากการจ้างงานทำเครื่องแต่งกายนางอัปสร และการทำบายศรีโดยปราชญ์ชาวบ้าน สร้างรายได้และเกิดการถ่ายทอดทักษะฝีมือสู่คนรุ่นใหม่
  • ด้านสังคม: นักเรียน นักศึกษา และชุมชนได้ทำงานร่วมกัน สร้างความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น และมองเห็นแนวทางการอนุรักษ์ในมุมมองใหม่ที่สร้างสรรค์
  • ด้านการศึกษา/เครือข่าย: เกิดสื่อการเรียนรู้ (E-Book) ที่เป็นรูปธรรม และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน โรงเรียน และหน่วยงานต่างๆ
  • ด้านสิ่งแวดล้อม: ชุมชนเกิดความตระหนักและสามารถเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ

การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย SDGs

  • SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education):
    โครงการได้สร้าง โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้กับคนในชุมชน และเป็นการจัดการศึกษาเชิงปฏิบัติการนอกห้องเรียน (Experiential Learning) ให้นักเรียนและนักศึกษาได้เรียนรู้จากภูมิปัญญาจริง การสร้าง E-Book ยังเป็นการสร้างแหล่งเรียนรู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้
  • SDG 8: การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Decent Work and Economic Growth):
    การส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้จากกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น การทำเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบพิธีกรรม เป็นการสนับสนุน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) และสร้างงานที่มีคุณค่าให้กับคนในชุมชน
  • SDG 11: เมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities):
    หัวใจของโครงการคือการ พิทักษ์และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ของท้องถิ่น (เป้าหมายย่อย 11.4) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน
  • SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnerships for the Goals):
    ความสำเร็จของโครงการเกิดจาก หุ้นส่วนความร่วมมือ (Partnerships) ที่แข็งแกร่งระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ (สถาบันการศึกษา), ชุมชนบ้านปราสาท (ภาคประชาสังคม), และโรงเรียนศีขรภูมิพิสัย (สถานศึกษาในพื้นที่) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา

โครงการนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า การลงทุนในการฟื้นฟูและต่อยอดศิลปวัฒนธรรม ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์รากเหง้า แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริง

อัลบั้มภาพ